เซปักตะกร้อ
เซปักตะกร้อหญิงคู่ในเอเชียนเกมส์ 2014 ที่อินช็อน | |
สมาพันธ์สูงสุด | สหพันธ์เซปักตะกร้อนานาชาติ |
---|---|
ชื่ออื่น | kick volleyball[1] |
แบบมาตรฐาน | พ.ศ. 2503 กัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย[1][2] |
สโมสร | 31 |
ลักษณะเฉพาะ | |
การปะทะ | ไม่ |
ผู้เล่นในทีม | 2, 3, หรือ 4 |
แข่งรวมชายหญิง | ไม่ |
หมวดหมู่ | ในร่ม, กลางแจ้ง, ชายหาด |
อุปกรณ์ | ลูกหวายหรือลูกพลาสติก, ตาข่าย |
สถานที่ | สนามตะกร้อ |
จัดแข่งขัน | |
ประเทศ ภูมิภาค | เอเชีย |
โอลิมปิก | ไม่ |
พาราลิมปิก | ใช่ |
เวิลด์เกมส์ | ไม่ |
เซปักตะกร้อ[3] เป็นกีฬาพื้นเมืองของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้[4] เซปักตะกร้อแตกต่างจากกีฬาที่คล้ายกันของฟุตวอลเลย์ โดยใช้ลูกที่ทำจากหวายและอนุญาตให้ผู้เล่นใช้เท้า, เข่า, หน้าอก และศีรษะเพื่อสัมผัสลูก
ศัพทมูลวิทยา
[แก้]เซปักตะกร้อ มาจากคำสองคำ คำแรก "เซปัก" (มลายู: sepak) เป็นคำมลายูแปลว่า "เตะ" กับคำว่า "ตะกร้อ" เป็นคำไทยแปลว่า "ของเล่นสานด้วยหวาย ใช้เตะเล่น"[5]
ส.พลายน้อยอธิบายที่มาของคำว่า "ตะกร้อ" ว่าอาจเป็นคำจีนเก่าคือคำว่า "ทาก้อ" ใช้เรียกกีฬาที่คล้ายกัน ในภาษาไทยถิ่นเหนือเรียก "มะต้อ" ถิ่นอีสานเรียก "กะต้อ" และถิ่นใต้เรียก "ตร่อ" และอธิบายอีกว่า ต้อ ตร่อ และกร้อ เป็นคำเดียวกันแต่เพี้ยนเสียง[6] ส่วนขุนวิจิตรมาตรา (สง่า กาญจนาคพันธุ์) ให้ความเห็นว่า แต่เดิมคงเรียก "ตากล้อ" แปลว่า "ของที่สานเป็นตากลม ๆ" กรณีเดียวกันกับคำว่า "ผมหยิกหน้ากล้อคอสั้นฟันขาว" ซึ่งคำว่า "กล้อ" แปลว่า "กลม"[6]
ในภาษามลายูจะเรียกกีฬานี้ว่า "เซปักรากา" (มลายู: sepak raga)
ประวัติ
[แก้]ในการค้นคว้าหลักฐานเกี่ยวกับแหล่งกำเนิดการเล่นกีฬาตะกร้อในอดีตนั้น ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้อย่างชัดเจนว่าตะกร้อนั้นกำเนิดจากที่ใด การเล่นตะกร้อมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องมาตามลำดับทั้งด้านรูปแบบและวัตถุดิบในการทำจากสมัยแรกเป็นผ้า, หนังสัตว์, หวาย, จนถึงประเภทสารสังเคราะห์ (พลาสติก) มีหลายประเทศในแถบเอเชียที่เล่นกีฬาประเภทนี้คล้ายกัน
- มีหลักฐานการเล่นตะกร้อในรัฐสุลต่านมะละกาช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 15 โดยมีการบันทึกในพงศาวดารมลายู (มลายู: Sejarah Melayu)[7]
- พม่ามีการเล่นเป็นกีฬาที่มีมายาวนาน ซึ่งเรียกว่า "ชี่นโล่น"
- ฟิลิปปินส์ นิยมเล่นกีฬาชนิดนี้กันมานานแล้ว โดยมีชื่อเรียกว่า ซิปะก์
- ประเทศจีนมีเกมกีฬาที่คล้ายตะกร้อ แต่เป็นการเตะลูกหนังปักขนไก่ ซึ่งปรากฏในภาพเขียนและพงศาวดารจีน
- ประเทศเกาหลีมีเกมกีฬาลักษณะคล้ายคลึงกับของจีนแต่ใช้ดินเหนียวห่อด้วยผ้าสำลีเอาหางไก่ฟ้าปัก แทนการใช้ลูกหนังปักขนไก่
ลักษณะการเล่น
[แก้]การเล่นตะกร้อสามารถเล่นได้หลายแบบ ดังนี้
- การเล่นเป็นทีม ผู้เล่นจะล้อมเป็นวง ผู้เริ่มต้นจะใช้เท้าเตะลูกตะกร้อไปให้อีกผู้รับหนึ่ง ผู้รับจะต้องมีความว่องไวในการใช้เท้ารับและเตะส่งไปยังอีกผู้หนึ่ง จึงเรียกวิธีเล่นนี้ว่า "เตะตะกร้อ" ความสนุกอยู่ที่การหลอกล่อที่จะเตะไปยังผู้ใด ถ้าผู้เตะทั้งวงมีความสามารถเสมอกัน จะโยนและรับไม่ให้ตะกร้อถึงพื้นได้เป็นเวลานานมาก กล่าวกันว่าทั้งวันหรือทั้งคืนก็ยังมี แต่ผู้เล่นยังไม่ชำนาญก็โยนรับได้ไม่กี่ครั้ง ลูกตะกร้อก็ตกถึงพื้น
- การติดตะกร้อ (เล่นเดี่ยว) เป็นศิลปะการเล่นตะกร้อ คือ เตะตะกร้อให้ไปติดอยู่ที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย และต้องถ่วงน้ำหนักให้อยู่นาน แล้วใช้อวัยวะส่วนนั้นส่งไปยังส่วนอื่นโดยไม่ให้ตกถึงพื้น เช่น การติดตะกร้อที่หลังมือ ข้อศอก หน้าผาก จมูก เป็นต้น ผู้เล่นต้องฝึกฝนอย่างมาก
- ตะกร้อติดบ่วง การเตะตะกร้อติดบ่วง ใช้บ่วงกลมๆแขวนไว้ให้สูงสุด แต่ผู้เล่นจะสามารถเตะให้ลอดบ่วงไปยังผู้อื่นได้ กล่าวกันว่าบ่วงที่เล่นเคยสูงสุดถึง 7 เมตร และยิ่งเข้าบ่วงจำนวนมากเท่าไรยิ่งแสดงถึงความสามารถ ถือเป็นการฝึกฝนได้ดี
ท่าเตะ
[แก้]ท่าเตะตะกร้อมีหลายท่าที่แสดงให้เห็นถึงความงดงามและความว่องไว ตามปกติจะใช้หลังเท้า แต่ผู้เล่นตะกร้อจะมีวิธีเตะที่พลิกแพลง ใช้หน้าเท้า เข่า ไขว้ขา (เรียกว่าลูกไขว้) ไขว้ขาหน้า ไขว้ขาหลัง ศอก ข้อสำคัญ คือ ความเหนียวแน่นที่ต้องรับลูกให้ได้เป็นอย่างดีเมื่อลูกมาถึงตัว ผู้เล่นมักฝึกการเตะตะกร้อด้วยท่าต่าง ๆ ลีลาในการเตะตะกร้อมี 4 แบบ คือ การเตะเหนียวแน่น (การรับให้ได้อย่างดี) การเตะแม่นคู่ (การโต้ตรงคู่) การเตะดูงามตา (ท่าเตะสวย มีสง่า) การเตะท่ามาก (เตะได้หลายท่า)
กฎและข้อบังคับ
[แก้]การแข่งขันตะกร้อในระดับนานาชาติ เรียกเกมกีฬาชนิดนี้ว่าเซปักตะกร้อ โดยเป็นการแข่งขันของผู้เล่น 2 ทีม ทำการโต้ตะกร้อข้ามตาข่ายเพื่อให้ลงในแดนของคู่ต่อสู้ สามารถแบ่งแยกย่อยเป็น 2 ประเภทคือ "เรกู" หรือทีม 3 คน และ "ดับเบิ้ล เรกู" หรือก็คือ ตะกร้อคู่ (คำว่า เรกู เป็นภาษามลายู แปลว่าทีม)
สนามแข่งขัน
[แก้]สนามแข่งขันเซปักตะกร้อ มีรูปร่างสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดประมาณ 2 เท่าของสนามแบดมินตัน มีความยาว 13.40 เมตร กว้าง 6.1 เมตร เพดานหรือสิ่งกีดขวางอื่นใด ต้องอยู่สูงกว่าสนามไม่น้อยกว่า 8 เมตร จากพื้นสนาม (ไม่เป็นพื้นหญ้า หรือพื้นทราย) และต้องไม่มีสิ่งกีดขวางอื่นใดในระยะ 3 เมตรจากขอบสนามโดยรอบ
ความกว้างของเส้นขอบทั้งหมดวัดจากด้านนอกเข้ามาไม่เกิน 4 เซนติเมตร ส่วนเส้นแบ่งแดนความกว้างไม่เกิน 2 เซนติเมตร โดยลากเส้นแบ่งแดนทั้ง 2 ข้างออกตามแนวขวาง แนวเส้นทับพื้นที่ของแต่ละแดนเท่าๆกัน เส้นขอบทั้งหมดนับรวมเป็นส่วนหนึ่งของแดนสำหรับผู้เล่นแต่ละฝ่าย
ปลายของเส้นแบ่งแดน ใช้เป็นจุดศูนย์กลางลากเส้นโค้งครึ่งวงกลมความกว้างเส้น 4 เซนติเมตร โดยขอบในของเส้นโค้งครึ่งวงกลมมีรัศมี 90 เซนติเมตร กำหนดไว้เป็นตำแหน่งยืนของผู้เล่นหน้าซ้าย และหน้าขวา ในขณะที่ส่งลูก
แดนทั้งสองจะมีวงกลมซึ่งกำหนดเป็นจุดยืนสำหรับผู้ส่งลูก โดยวาดเป็นวงกลมขอบในมีรัศมี 30 เซนติเมตร ความกว้างของเส้นคือ 4 เซนติเมตร จุดศูนย์กลางอยู่ที่ระยะ 2.45 เมตรจากเส้นหลังของแต่ละแดน และอยู่กึ่งกลางตามแนวกว้างของสนาม
ตาข่าย
[แก้]ตาข่ายจะถูกขึงกั้นแบ่งแดนทั้งสองออกจากกัน ทำจากวัสดุจำพวกเชือกหรือไนลอน ความสูงของตาข่ายบริเวณกึ่งกลาง คือ 1.52 เมตรสำหรับนักกีฬาชาย (1.42 เมตรสำหรับนักกีฬาหญิง) ส่วนความสูงบริเวณเสายึดตาข่าย คือ 1.55 เมตรสำหรับนักกีฬาชาย (1.45 เมตรสำหรับนักกีฬาหญิง) ตาข่ายมีขนาดรู 6–8 เซนติเมตร ผืนตาข่ายมีความกว้าง 70 เซนติเมตร และยาวไม่น้อยกว่า 6.1 เมตร
การศึกษา
[แก้]ปัจจุบันโรงเรียนในประเทศไทย กีฬาเซปักตะกร้อมีอยู่ในกลุ่มสาระการเรียนรู้วิชาพลศึกษาและสุขศึกษา ในชั้นประถมศึกษาและชั้นมัธยมต้น
อ้างอิง
[แก้]- ↑ 1.0 1.1 "Sepaktakraw". Olympic Council of Asia. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 27 กรกฎาคม 2021. สืบค้นเมื่อ 10 กรกฎาคม 2021.
- ↑ Victoria R. Williams (2015). Weird Sports and Wacky Games around the World: From Buzkashi to Zorbing: From Buzkashi to Zorbing. ABC-CLIO. p. 264. ISBN 9781610696401.
- ↑ Shawn Kelley (2006). "Takraw: A Traditional Southeast Asian Sport". Tourism Authority of Thailand. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 กรกฎาคม 2007. สืบค้นเมื่อ 30 กรกฎาคม 2007.
- ↑ J. A. Mangan; Fan Hong (2002). Sport in Asian society: past and present. Frank Cass Publishers. p. 220. ISBN 978-0-7146-8330-0.
- ↑ "sepak takraw | Definition of sepak takraw in US English by Oxford Dictionaries". Oxford Dictionaries | English. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 18 กันยายน 2018. สืบค้นเมื่อ 18 กันยายน 2018.
- ↑ 6.0 6.1 ส. พลายน้อย. เกร็ดภาษา หนังสือไทย ฉบับปรับปรุง. พิมพ์ครั้งที่ 9. กรุงเทพฯ: พิมพ์คำ. 2560. หน้า 314–316. ISBN 978-616-003-169-6
- ↑ Dunsmore, Susi (1983). Sepak Raga (Sarawak Museum occasional paper). University of Michigan. p. 2. ASIN B0000CPD6R.
บรรณานุกรม
[แก้]- Pogadaev, Victor. “Let’s Play Volleyball… By Foot! “ – “Vostochnaya Kollektsia” (Oriental Collection). M.: Russian State Library. N 3 (34). 2008. pp. 129–134. ISSN 1681-7559.
แหล่งข้อมูลอื่น
[แก้]- Gajah Emas balls and equipment เก็บถาวร 2020-02-21 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- สมาคมตะกร้อแห่งประเทศไทย เก็บถาวร 13 ธันวาคม 2010 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
- Malaysia Sepak Takraw Fan News เก็บถาวร 27 กันยายน 2020 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน